![ทฤษฎีความรัก](https://helenathailand.co/wp-content/uploads/elementor/thumbs/The-colors-of-love_cover-ofkyrl9i2wvj6qgowht5tej85df6upydcyqh55a0j4.jpg)
ทฤษฎีความรัก บอกความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ว่ามันใช่ความรักหรือเปล่า
ความรัก เป็นคำที่มีความหมายได้หลายรูปแบบ และเชื่อว่าสาว ๆ หลายคน คงจะต้องเคยสงสัยในความรู้สึกของตัวเองว่า ตกลงนี่มันคือความรักใช่หรือเปล่า หรือเหตุการณ์แบบที่เมื่อคืนพึ่งอกหัก แต่วันนี้กลับปิ๊งหนุ่มคนใหม่ เทความรู้สึกดี ๆ ให้เขาไปเสียแล้ว ความรู้สึกสับสนแบบนี้ ยิ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้น แท้ที่จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่ มาหาคำตอบและไขข้อข้องใจ ด้วยทฤษฎีความรัก The Colors of Love ที่จะมาอธิบายความรู้สึกของคุณให้กระจ่าง
![](https://helenathailand.co/wp-content/uploads/2019/10/The-colors-of-love_01-ทฤษฎี-The-Colors-of-Love.jpg)
ทฤษฎี The Colors of Love
ทฤษฎีความรัก The Colors of Love (ล้อสีของความรัก) คือ ความคิดที่ถูกสร้างขึ้นโดย ‘John Lee นักจิตวิทยา ชาวแคนาดา’ ที่เปรียบเทียบรูปแบบของความรักกับวงล้อสี ผ่านภาษาละติน และภาษากรีก ใช้เรียกแทนความรู้สึกในแต่ละรูปแบบ ซึ่งในวงล้อ จะมีแม่สีอยู่ 3 สี แสดงถึงรูปแบบของความรักที่ถูกแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ (3 หลัก 3 รอง)
1. Eros (สีแดง) เป็นภาษากรีก มีความหมายว่า หลงใหล เป็นความรักแบบเสน่หา หรือรักแรกพบ เกี่ยวข้องกับทางร่างกายและอารมณ์ เป็นทั้งด้าน Erotic และ Sex
2. Ludus (สีฟ้า) เป็นภาษาละติน มีความหมายว่า เกม เปรียบความรักเป็นการเล่นเกม ที่รู้สึกถึงความสนุกสนาน อาจเป็นรูปแบบความรักที่มีแนวโน้มไปทางการนอกใจ หรือความสัมพันธ์ของคนที่ยังไม่พร้อมจะมีความรักแบบผูกมัด
3. Storge (สีเหลือง) เป็นภาษากรีก มีความหมายเปรียบเสมือน ความรักที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เป็นการเติบโตอย่างช้า ๆ อาจพัฒนามาจากมิตรภาพ หรือส่วนใหญ่มักพบในความรักแบบครอบครัว พี่น้อง หรือญาติ
นอกจากนี้ John Lee ยังเชื่ออีกว่า ทฤษฎีความรักทั้ง 3 รูปแบบนี้ สามารถผสมผสานกันได้ เหมือนกับการผสมสีในวงล้อสี เมื่อถูกผสมเข้าด้วยกันแล้ว จะได้ออกมาเป็นความรักรูปแบบอื่น ๆ นั่นเอง
![](https://helenathailand.co/wp-content/uploads/2019/10/The-colors-of-love_02.jpg)
4. Pragma (สีเขียว) มาจากการผสมผสานของ Storge + Ludus เป็นความรักที่สมจริง และดูเป็นความสัมพันธ์ที่มีเหตุผล มากกว่าจะเป็นแค่อารมณ์ คบหากันด้วยความเหมาะสม มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์เหมือนกัน สำหรับคนที่มีความรักในรูปแบบ Pragma เรื่องของการศึกษา สภาพทางการเงิน ความเชื่อทางศาสนา รวมถึงสถานภาพทางสังคม มีความสำคัญมาก ๆ
5. Mania (สีม่วง) มาจากการผสมผสานของ Eros + Ludus เป็นความรักที่หลงใหล คล้ายการถูกครอบงำ แบบที่ต้องการเห็นความเป็นไปของคนรักในทุก ๆ วัน ต้องการให้แสดงความรักและคำมั่นสัญญา รู้สึกถึงความต้องการอยู่ตลอดเวลา ทำให้เรียกร้องความรักจากอีกฝ่ายมากเกินไป
6. Agape (สีส้ม) มาจากการผสมผสานของ Eros + Storge เป็นความรักที่เสียสละ เต็มไปด้วยการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่เห็นแก่ตัว เป็นความผูกพันโดยไม่มีเงื่อนไข และเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ ความรักที่พร้อม Support ตลอดเวลา
ท้ายที่สุด ไม่ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างคุณกับเขาจะเป็นแบบไหนในทฤษฎีความรัก The Colors of Love ก็ตาม หากคุณเป็นคนที่มีแผลสด หรือกำลังอกหักอยู่ อยากให้ลองเปิดใจกับความสัมพันธ์อีกครั้ง ไม่อยากให้คุณต้องปิดกั้นตัวเองจากความรัก เพียงเพราะครั้งก่อนมันล้มเหลว แต่ก่อนจะเริ่มสานความสัมพันธ์กับใคร อย่าลืมเช็กให้ดี ๆ ก่อนว่าเขาใช่สำหรับคุณแล้วจริง ๆ ไม่แน่นะว่า… ความสัมพันธ์ครั้งนี้อาจจะเป็นประสบการณ์สำคัญ ที่ทำให้ดำเนินชีวิตต่อได้อย่างมีความสุขก็ได้