หมดยุค Fast Fashion เมื่อ Sustainable Fashion เทรนด์รักษ์โลกกำลังมา
ทุกวันนี้แค่เลื่อนโซเซียลหรือเดินเข้าห้าง เราก็จะเห็นคอลเลกชันใหม่ ๆ วางเรียงรายแทบทุกสัปดาห์ ดึงดูดใจด้วยราคาน่ารัก ดีไซน์ตามเทรนด์ เรียกได้ว่า Fast Fashion ครองโลกแฟชั่นมานานหลายปีจริง ๆ เพราะทั้งเร็ว ถูก และใส่ง่ายในทุกโอกาส แต่เบื้องหลังความสวยสะดวกนั้นกลับมีราคาที่โลกต้องจ่าย ทั้งการใช้แรงงานราคาถูก การปล่อยของเสียจากกระบวนการผลิต และภูเขาเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งเพียงเพราะ “ตกเทรนด์”
เมื่อผู้คนตระหนักว่าแฟชั่นที่แท้จริงไม่ควรทำร้ายโลก เทรนด์ใหม่ที่ตรงข้ามอย่าง Sustainable Fashion หรือ แฟชั่นยั่งยืน จึงถือกำเนิดขึ้น ซึ่งแฟชั่นแนวนี้ไม่ได้เน้นแต่ความสวยงาม แต่ให้ความสำคัญกับ “คุณค่า” และ “ความรับผิดชอบ” ต่อสิ่งแวดล้อมและผู้คนมากกว่าเดิม
วันนี้ Helena Thailand จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจไปพร้อมกันว่าทำไมยุคของ Fast Fashion กำลังจะจบลง และเพราะอะไร Sustainable Fashion ถึงกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ทุกแบรนด์แฟชั่นต้องรีบปรับตัวให้ทันก่อนจะตกเทรนด์ในโลกแฟชั่นยุคใหม่
จาก Fast Fashion สู่ Sustainable Fashion เมื่อโลกแฟชั่นหันมารักสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ในอดีต Fast Fashion เคยเป็นคำตอบของโลก ด้วยแฟชั่นที่เน้นความเร็วและราคาย่อมเยา ดีไซน์ทันสมัย ออกใหม่แทบทุกสัปดาห์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนเริ่มตั้งคำถามกับ “ความคุ้มค่า” ที่แท้จริง เพราะเบื้องหลังเสื้อผ้าราคาถูกและเทรนด์ที่เปลี่ยนเร็ว คือปัญหาสิ่งแวดล้อม การใช้แรงงานราคาต่ำ และการผลิตจำนวนมากที่สร้างของเสียมหาศาลที่ถูกทิ้งทุกวัน จนทำเทรนด์แฟชั่นเปลี่ยนทิศทางมาสู่สิ่งที่เรียกว่า Sustainable Fashion หรือแฟชั่นยั่งยืน ที่ไม่ได้เน้นแค่ความสวย แต่ให้ความสำคัญกับ “คุณค่า” และ “ความรับผิดชอบต่อโลก”
Fast Fashion คืออะไร และทำไมถึงกำลังหมดยุค
Fast Fashion หมายถึงรูปแบบการผลิตเสื้อผ้าที่เน้นเร็ว ราคาถูก และเน้นปริมาณมาก เพื่อให้ทันกับเทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนแทบทุกสัปดาห์ แบรนด์ดังระดับโลกหลาย ๆ แบรนด์ต่างแข่งออกคอลเลกชันใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคตื่นเต้น ยากซื้อของใหม่อยู่เสมอ แต่ในอีกมุมหนึ่ง Fast Fashion กลับกลายเป็นตัวการใหญ่ของปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น
- มลพิษทางน้ำและทางอากาศ เป็นผลกระทบสำคัญจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่เกิดจากโรงงานผลิตปล่อยน้ำเสียที่มีสารเคมีจากสีย้อมผ้าลงสู่แม่น้ำ ส่งผลให้ระบบนิเวศทางน้ำถูกทำลาย ขณะเดียวกันการผลิตและการขนส่งเสื้อผ้ายังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากอีกด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนและมลพิษทางอากาศที่กระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมโดยรวม
- ขยะสิ่งทอมหาศาล มีเสื้อผ้ากว่า 92 ล้านตัน ถูกทิ้งในแต่ละปีทั่วโลก และใช้เวลานับร้อยปีในการย่อยสลาย
- แรงงานราคาถูก คนงานจำนวนมากในประเทศกำลังพัฒนา ได้รับค่าจ้างต่ำ และทำงานในสภาพไม่ปลอดภัย
ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคเริ่มตระหนักว่าแฟชั่นที่ดี ไม่ควรมีราคาที่โลกต้องจ่ายแพงเกินไป และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ยุคของ Fast Fashion กำลังค่อย ๆ จางหายไป
Sustainable Fashion คืออะไร ทำไมคนเริ่มให้ความสำคัญ
Sustainable Fashion หรือ แฟชั่นยั่งยืน คือแนวคิดการออกแบบ ผลิต และบริโภคเสื้อผ้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและแรงงาน โดยเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อโลกให้น้อยที่สุด ซึ่งหัวใจสำคัญของแฟชั่นยั่งยืนคือ คุณค่าเหนือปริมาณ การเลือกเสื้อผ้าที่มีคุณภาพ ใช้ได้นาน ซักแล้วไม่เสียทรง และสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เช่น
- ผ้าออร์แกนิก (Organic Cotton) ใช้น้ำน้อย และไม่ใช้สารเคมี
- ผ้ารีไซเคิล (Recycled Polyester) ผลิตจากขวดพลาสติกเก่าหรือเศษผ้า
- การย้อมสีจากธรรมชาติ (Natural Dye) ใช้สีจากพืชและสมุนไพร
- การผลิตแบบ Zero Waste การออกแบบเพื่อลดเศษผ้าเหลือทิ้ง
หลายแบรนด์ดังระดับโลกเริ่มหันมาใช้แนวทางนี้ เช่น Stella McCartney (ที่เน้นใช้วัสดุ Vegan Leather), Patagonia (คอนเซ็ปต์ Don’t buy this jacket รณรงค์ให้ผู้บริโภคใช้ของเดิมให้นาน), PANGAIA (ที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการผลิตผ้า) หรือแม้แต่ H&M Conscious Collection (ที่เพิ่มสัดส่วนผ้ารีไซเคิลในแต่ละคอลเลกชัน) ก็หันมาผลิตคอลเลกชันที่ยั่งยืนมากขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่อโลก
ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงหันมาใส่ใจ Sustainable Fashion
- ตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z และ Millennials มีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าที่รักษ์โลก ตั้งแต่อาหารออร์แกนิก ผลิตภัณฑ์รีฟีล ไปจนถึงเสื้อผ้าแฟชั่นที่ทำร้ายโลก
- อยากซื้อของที่ “มีเรื่องราว” เสื้อผ้าแฟชั่นยั่งยืนมักมี Story เช่น ผลิตจากผ้าทอในชุมชน ใช้สีธรรมชาติ หรือช่วยสร้างอาชีพให้ผู้คนในท้องถิ่น ทำให้ทุกชิ้นที่ใส่มีคุณค่าทางใจมากกว่าแค่แฟชั่น
- เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ การซื้อเสื้อผ้าคุณภาพดีที่ใส่ได้นาน ไม่ต้องซื้อบ่อย ช่วยประหยัดในระยะยาว และยังลดขยะสิ่งทอได้
- เป็นเทรนด์ที่โลกกำลังให้ความสำคัญ หลายประเทศและองค์กรแฟชั่นระดับโลกเริ่มกำหนดมาตรฐาน ESG (Environment, Social, Governance) และตรวจสอบคาร์บอนฟุตพรินต์ของแบรนด์ ทำให้ความยั่งยืน กลายเป็นส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์แฟชั่นระดับโลก
แต่งตัวแบบ Sustainable Fashion เริ่มยังไงดี?
- การใช้ซ้ำ และมิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้า
เริ่มต้นง่าย ๆ จากตู้เสื้อผ้าเดิมของเรา ลองหยิบเสื้อผ้าชิ้นเก่าที่อาจถูกลืมไว้ในตู้มามิกซ์ใหม่ในแบบที่ไม่เคยลองมาก่อน เช่น เสื้อเชิ้ตตัวเดิมจับคู่กับกระโปรงยาวแทนกางเกง หรือใส่เดรสทับเสื้อยืดให้กลายเป็นลุคสตรีทสุดเก๋ การมิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้าในรูปแบบต่าง ๆ คือหัวใจของ Sustainable Fashion เพราะช่วยให้เราสร้างคอลเลกชันใหม่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องซื้อของใหม่อยู่ตลอดเวลา การแต่งตัวแบบนี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณเสื้อผ้าที่ผลิตเกินความจำเป็น แต่ยังสะท้อนสไตล์เฉพาะตัว แบบไม่ซ้ำใคร
- เช่าแทนซื้อ ทางเลือกใหม่ของคนรักษ์โลก
ในบางโอกาสที่เราต้องออกงานสำคัญ เช่น งานแต่ง อีเวนต์ต่าง ๆ แทนที่จะซื้อชุดใหม่ที่อาจได้ใส่เพียงครั้งเดียว ลองเปลี่ยนมาเช่าชุดแทน วิธีนี้ก็ช่วยลดการซื้อเสื้อผ้าใหม่ลงได้มาก แถมยังประหยัดกว่าการซื้อจริงหลายเท่า ปัจจุบันในประเทศไทยมีบริการให้เช่าชุดแฟชั่นหลากหลายแนวมากขึ้น เช่น ชุดราตรี สูท หรือชุดทำงานสุดหรู ซึ่งบางร้านยังมีบริการทำความสะอาดแบบรักษ์โลกโดยใช้น้ำยาซักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
- แฟชั่นเสื้อผ้ามือสอง
อีกหนึ่งเทรนด์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลกก็คือ การซื้อเสื้อผ้ามือสอง ซึ่งช่วยลดขยะสิ่งทอและขยายอายุการใช้งานของเสื้อผ้าได้จริง ซึ่งหลายชิ้นยังอยู่ในสภาพดี และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบที่หาไม่ได้ในแบรนด์ใหญ่ การช้อปมือสองจึงไม่ใช่เรื่องเชยอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นแฟชั่นที่ทั้งเท่และรักษ์โลกในเวลาเดียวกัน ในไทยเองก็มีร้านเสื้อผ้ามือสองมากมาย ที่ขายทั้งในโลกออนไลน์ และตลาดนัดแฟชั่นต่าง ๆ
- สนับสนุนแบรนด์เสื้อผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หากจำเป็นต้องซื้อของใหม่ ลองเลือกสนับสนุนแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น เนื้อผ้า ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการบรรจุภัณฑ์ว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือไม่
ใครอยากเริ่มเป็นสายแฟรักษ์โลก ลองเริ่มจากตู้เสื้อผ้าของเราก่อนก็ได้นะ เช่น ซ่อมแทนการทิ้ง ใช้ซ้ำแทนการซื้อใหม่ หรือถ้าจำเป็นต้องซื้อจริง ๆ ลองเลือกชิ้นที่ใส่ได้บ่อย และเปิดใจให้กับแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพราะแฟชั่นที่ดี ไม่ได้แค่ดูดีตอนใส่ แต่ต้องดีต่อโลกไปพร้อมกันด้วย