ยาคุมฉุกเฉิน

ยาคุมฉุกเฉิน | รู้ก่อนใช้ ปลอดภัยกับร่างกาย

“ยาคุมฉุกเฉิน” อาจเป็นสิ่งไกลตัวของสาว ๆ หลายคน แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ กลับดีเสียอีกที่สาว ๆ ของ Helena จะได้ทำความรู้จักกับยาคุมฉุกเฉินแบบรู้ลึกรู้จริง เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน ถุงยางอนามัยรั่ว หรือหลุด ก็จะได้ใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธี และปลอดภัย เรารวบตึงข้อควรรู้ทั้งหมดของยาคุมฉุกเฉินมาให้แล้ว รู้ก่อนใช้ ปลอดภัยกับร่างกายแน่นอนค่ะ

ยาคุมฉุกเฉิน

ใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนยาคุมปกติได้ไหมนะ?

สาว ๆ ของเราต้องมีตั้งคำถามกันบ้างแหละว่า ใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนยาคุมปกติไม่ได้เหรอ? สำหรับยาคุมฉุกเฉินชื่อก็บอกอยู่ว่าฉุกเฉิน มันมีประโยชน์ต่อเมื่อใช้อย่างถูกต้อง และถูกวิธีเท่านั้น ยาคุมฉุกเฉินมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว เช่น ถุงยางอนามัยฉีกขาด ลืมรับประทานยาคุมกำเนิดแบบปกติตั้งแต่ 2 วันขึ้นไป หรือกรณีที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ แตกต่างจากการใช้ยาคุมปกตินะคะ เพราะบางคนก็เข้าใจผิด ใช้ยาคุมฉุกเฉินเพื่อคุมกำเนิดในระยะยาวเหมือนกับการใช้ยาคุมปกติ แค่เพราะสะดวกกว่า ไม่ต้องกินทุกวันเหมือนยาคุมปกติ

ซึ่งไม่ปลอดภัยกับร่างกายมาก ๆ เลยแหละ!! ยาคุมฉุกเฉิน ควรใช้เดือนละไม่เกิน 2 ครั้งเท่านั้น เพราะถ้าใช้ยาคุมฉุกเฉินมาก ร่างกายก็จะได้รับฮอร์โมนในปริมาณที่สูงมาก ทำให้พบอาการข้างเคียงอย่าง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน มีเลือดออกกระปริดกระปรอย เพิ่มความผิดปกติที่มดลูก รังไข่ เพิ่มความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ บางการศึกษาบอกไว้ว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินในปริมาณมากติดต่อกัน ก็สามารถกระตุ้นเซลล์มะเร็งได้เช่นกันนะ

ยาคุมฉุกเฉิน

วิธีใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกต้อง

ยาคุมฉุกเฉินที่จำหน่ายในปัจจุบันจะมีลักษณะเป็นกล่อง โดย 1 กล่องมี 1 แผง แต่ละแผงมียาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด โดยแต่ละเม็ดประกอบไปด้วยยานฮอร์โมนลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ขนาดสูง

วิธีการใช้ยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้อง : กินเม็ดแรกให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์เมื่อไม่ได้ป้องกัน หรือถ้าไม่ทันจริง ๆ ก็ควรกินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง และกินเม็ดที่ 2 หลังจากกินเม็ดที่ 1 ภายใน 12 ชั่วโมงหลัง และไม่แนะนำให้กินยาคุมฉุกเฉินเกิน 4 เม็ด หรือ 2 กล่องต่อเดือน โน้ตไว้เลยค่ะสาว ๆ

ยาคุมฉุกเฉิน

ผลข้างเคียงของการใช้ยาคุมฉุกเฉิน

สาว ๆ ที่กังวลว่ายาคุมฉุกเฉินจะให้ผลข้างเคียงที่เกินลิมิตที่ร่างกายจะรับได้ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ การกินยาคุมฉุกเฉินในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นั้นไม่เป็นอันตราย ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยาคุมฉุกเฉินมักเป็นอาการที่ไม่รุนแรง และไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา เช่น

  • ประจำเดือนอาจคลาดเคลื่อน ทำให้มาช้าหรือเร็วกว่าปกติ
  • อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยออกมาระหว่างเดือน แต่โดยทั่วไปจะมีประจำเดือนหลังจากกินยาคุมฉุกเฉินภายในเวลาไม่เกิน1 สัปดาห์ ซึ่งหากไม่มี ให้สาว ๆ สงสัยว่าตั้งครรภ์ไว้ก่อน และรีบไปพบแพทย์ทันที
  • ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนหัว เจ็บคัดเต้านม
  • ซึมเศร้า วิตกกังวล เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
ยาคุมฉุกเฉิน

ข้อควรรู้เมื่อใช้ยาคุมฉุกเฉิน

กินยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ดพร้อมกันได้หรือไม่ ?

คำตอบคือ ได้ค่ะ! การกินยาคุมฉุกเฉิน 2 พร้อมกันให้ประสิทธิภาพของยาไม่ต่างจากการรับประทานทีละเม็ด 2 ครั้ง แต่ที่เค้าให้เว้นเวลาไว้ 12 ชั่วโมง ก็เพื่อป้องกันอาการข้างเคียงจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งข้อดีของวิธีนี้ก็คือจะทำให้สาว ๆ เกิดความสะดวก และลดโอกาสการเกิดความผิดพลาดหากลืมกินยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่ 2 ตามเวลา

ยาคุมฉุกเฉินป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือ?

ยาคุมฉุกเฉิน ไม่ได้มีผลต่อการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ แต่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เท่านั้น เนื่องจากตัวยาเข้าไปในร่างกายก่อนที่จะมีการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก แต่หากไข่ที่ผสมอสุจิได้ฝังตัวที่ผนังมดลูกไปแล้ว ประสิทธิภาพของยาก็จะไม่ได้ผล ดังนั้น วิธีป้องกันโรคติดต่อและสามารถคุมกำเนิดได้ดีที่สุดคือการใช้ถุงยางอนามัยนะสาว ๆ

ยาคุมฉุกเฉิน

เลือดออกหลังกินยาคุมฉุกเฉินอันตรายหรือเปล่า?

การกินยาคุมฉุกเฉินทำให้ฮอร์โมนถูกกระตุ้นแบบฉับพลัน ซึ่งย่อมส่งผลข้างเคียงต่อร่างกาย การมีเลือดออกกะปริบกะปรอยหลังกินยาคุมฉุกเฉิน นับว่าเป็นผลข้างเคียงจากกินยาคุมฉุกเฉินที่ปกติ และไม่อันตราย แต่หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายวัน สาว ๆ ก็ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดนะคะ

กินยาคุมฉุกเฉิน ไม่ได้ช่วยให้แท้ง

สาว ๆ หลายคนเข้าใจว่าการกินยาคุมฉุกเฉินสามารถทำให้เกิดการแท้งได้ คำตอบคือ “ไม่จริง” ยาคุมฉุกเฉินเป็นตัวช่วยลดประสิทธิภาพในการทำงานของไข่และอสุจิเท่านั้น ถ้าหากไข่ที่ผสมอสุจิได้ทำการฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูกแล้ว (เท่ากับว่าเกิดการตั้งครรภ์) การกินยาคุมฉุกเฉินก็เท่ากับสูญเปล่า

ยาคุมฉุกเฉิน

กินยาคุมฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์ ลดโอกาสเกิด “การท้อง”

ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีหน้าที่ป้องกันการท้องแบบการกินยาคุม หรือฝังยาคุมปกติ แต่จริง ๆ แล้ว ยาคุมฉุกเฉินมีหน้าที่รบกวนกระบวนการตกไข่ และการเคลื่อนไหวของอสุจิ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก เพื่อให้การฝังตัวของไข่ทำได้ยาก ยาคุมฉุกเฉินจึงมีส่วนช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์ลงจากเดิมเท่านั้นเอง

โดยถ้าเริ่มกินยาคุมฉุกเฉินภายใน 72 ชั่วโมงจะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มเม็ดแรกภายใน 24 ชั่วโมง จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้นถ้ากินยาคุมฉุกเฉินช้าจนไข่ที่ผสมกับอสุจิไปฝังตัวที่ผนังมดลูกแล้ว ยาคุมฉุกเฉินก็จะไม่ได้ผลอีกต่อไป นี่จึงเป็นสาเหตุที่สาว ๆ ต้องกินยาคุมฉุกเฉินทันที หรือกินภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น

ขึ้นชื่อว่ายา กินมากก็ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายแน่นอน เพราะฉะนั้น สาว ๆ จึงควรใช้วิธีป้องกันการตั้งครรภ์โดยการใช้ถุงยางอนามัย การฝังยาคุม หรือการกินยาคุมปกติที่จ่ายโดยแพทย์ หรือตามคำแนะนำของเภสัชกร หรือถ้าหากต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน ก็ควรศึกษาการใช้ที่ถูกต้อง รวมถึงผลข้างเคียงของการใช้ยาให้ดี