แชร์ทริกสำหรับมือใหม่! ใช้เรตินอลยังไงให้ได้ผลดีที่สุด
ถ้าจะให้พูดถึงสกินแคร์ที่กำลังฮิตบนโลกออนไลน์ในช่วงนี้ก็คงหนีไม่พ้น ‘เรตินอล’ ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สาว ๆ หลายต่อหลายคนออกมารีวิว และบอกต่อความปังว่าช่วยแก้ปัญหาสิว ริ้วรอยได้อย่างเห็นผลชัดเจน แต่ก็ยังมีบางส่วนที่กำลังชั่งใจว่าจะก้าวเข้าสู่วงการเรตินอลดีหรือไม่ เพราะกังวลว่าจะมีผลข้างเคียงตามมา วันนี้ Helena เลยจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับสกินแคร์ที่มาแรงอย่าง เรตินอล พร้อมทั้งเผยเคล็ดลับการใช้เตรียมบอกลาปัญหาผิวเสีย พร้อมเป็นสาวผิวสวย หน้าใสกันแบบถ้วนหน้าค่ะ
เรตินอล สกินแคร์ยอดฮิตนี้คืออะไรกันนะ?
เรตินอล (Retinol) คือ อนุพันธ์ของวิตามินเอ ซึ่งจัดเป็นสารในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoid) ที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ และคอลลาเจน จึงเป็นส่วนผสมที่พบได้บ่อยในสกินแคร์ลดเลือนริ้วรอย หรือกลุ่ม Anti-aging
เรตินอล ตัวช่วยฟื้นฟูสภาพผิว
เรตินอลเร่งกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่
เรตินอลมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวฟื้นฟูกลับมาเรียบเนียนกระจ่างใสหลังจากผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสียหายได้อย่างเร็วขึ้น
เรตินอลกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
เมื่อสาว ๆ อายุมากขึ้นแน่นอนว่าร่างกายก็จะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง แถมยังโดนทำร้ายจากมลภาวะและแสงแดดได้อีกด้วย เรตินอลจึงเป็นหนึ่งตัวช่วงของสาว ๆ ที่จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 มีคุณสมบัติในการลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นจากการเสียหายของคอลลาเจนได้เป็นอย่างดี
เรตินอลช่วยลดการสร้างเม็ดสี
เรตินอลไม่เพียงแต่ช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้กระจ่างใสเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติสำคัญในการลดการทำงานของเซลล์เม็ดสี ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ จากแสงแดดและรังสี UV ทำให้สีผิวเนียนสม่ำเสมอ
เรตินอลเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
อายุเพิ่มขึ้น แต่สาว ๆ คงไม่อยากปล่อยให้อายุผิวเพิ่มตาม การใช้เรตินอลที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระจะช่วยชะลอความเสียหายของผิวที่เป็นไปตามวัย และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
เรตินอลควบคุมการผลิตน้ำมันและลดขนาดรูขุมขนได้
เรตินอลช่วยลดการผลิตน้ำมันใต้ชั้นผิว และควบคุมให้ผิวหน้ามีปริมาณน้ำมันที่เหมาะสม รวมถึงช่วยลดขนาดรูขุมขน ทำให้ลดปัญหาสิวอุดตันจากการตกค้างของสิ่งสกปรกในผิวหน้าที่ไม่เรียบเนียนและรูขุมขนกว้าง
เริ่มใช้เรตินอลล็อกอายุผิวก่อนสาย
วันเวลาผ่านไป ความกังวลเกี่ยวกับผิวหน้าก็เพิ่มมากขึ้นตามอายุไปด้วย โดยเฉพาะสาว ๆ ที่กำลังก้าวเข้าสู่เลข 3 ที่คอลลาเจนเริ่มจะลดลง และใช้เวลาในการผลัดเซลล์ผิวเก่านานขึ้น การใช้เรตินอลตั้งแต่เนิ่น ๆ ในวัย 20 ตอนปลาย ถึง 30 ตอนต้น ก่อนที่เซลล์ผิวจะถูกทำลายจึงนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ในการช่วยกระตุ้นการทำงานของเรตินอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรตินอลเข้มข้นเท่าไหร่ถึงจะเหมาะกับผิว?
ผลิตภัณฑ์เรตินอลความเข้มข้นน้อย (0.01% – 0.03%)
จากผลงานวิจัยพบว่าการใช้เรตินอลที่มีความเข้มข้นเพียง 0.01% วันละ 1-2 ครั้งติดต่อกัน ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยได้แล้ว เรตินอลที่มีความเข้มข้นต่ำ ตั้งแต่ 0.01% – 0.03% จึงเป็นปริมาณที่เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ไม่เคยใช้เรตินอลมาก่อน หรือมีผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย เพื่อให้ผิวได้ปรับตัวเข้ากับเรตินอลและเป็นการทดสอบว่ามีอาการแพ้หรือไม่ โดยอาจจะใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เข้ากับสภาพผิวเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเรตินอลได้ เช่น การใช้เรตินอลคู่กับผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและครีมกันแดดเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายจากมลพิษและแสงแดดในช่วงกลางวัน หรือใช้คู่กับมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในช่วงกลางคืนหรือสำหรับคนที่มีผิวแห้ง
ผลิตภัณฑ์เรตินอลความเข้มข้นปานกลาง (0.03% – 0.3%)
สำหรับสาว ๆ ที่กำลังประสบปัญหาผิวแก้ยาก เช่น ผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวหย่อนคล้อย การใช้เรตินอลที่ความเข้มข้นขึ้นมาเล็กน้อย ราว ๆ 0.03% – 0.3% จะทำให้เห็นผลได้รวดเร็วกว่า โดยในช่วงแรกอาจใช้ช่วงกลางคืน เพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อสังเกตการตอบสนองของผิว
ผลิตภัณฑ์เรตินอลความเข้มข้นสูง (0.3% – 1%)
แต่ถ้าหากสาว ๆ คนไหนมีปัญหาผิวที่ต้องการการรับมือพิเศษ หรือผิวร่องลึก อาจจะต้องลองใช้ผลิตภัณฑ์เรตินอลที่มีความเข้มข้นสูง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจและใช้เวลาน้อยลง แต่ก็ควรใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้งานในช่วงแรก หรือผู้ที่มีผิวบอบบาง และควรใช้ในช่วงเย็นหรือก่อนนอน เนื่องจากผิวจะมีความอ่อนไหวต่อแสงแดด
ใช้เรตินอลอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพดี?
- ควรเริ่มใช้เรตินอลที่มีความเข้มข้นต่ำ เพื่อให้ผิวได้มีการปรับสภาพและเป็นการทดสอบการระคายเคืองของผิว โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย แล้วจึงปรับเพิ่มความเข้มข้นเพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยในช่วงสัปดาห์แรกอาจใช้ 2 วันต่อสัปดาห์ แล้วเพิ่มความถี่เป็นวันเว้นวัน จากนั้นก็ใช้ทุกคืนได้
- ใช้เรตินอลในช่วงกลางคืนก่อนเข้านอน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่แนะนำ เนื่องจากเรตินอลทำให้ผิวมีความไวต่อแสงแดด อาจทำให้เกิดจุดด่างดำหรือผิวไหม้ได้
- ใช้มอยส์เจอไรเซอร์หลังใช้เรตินอล เพื่อปลอบประโลมและเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว เนื่องจากผิวอาจแห้งขึ้นจากการใช้เรตินอลได้
- ต้องทาครีมกันแดดเสมอ ในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF50+ และมีค่า PA++++ เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดดและรังสี UV เนื่องจากเรตินอลมีสรรพคุณในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวอ่อนไวต่อแสงแดด
- หลีกเลี่ยงเรตินอลเมื่อตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจส่งผลอันตรายแก่ทารกในครรภ์ ถึงขั้นแท้งหรือพิการได้ รวมถึงควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ในกลุ่มวิตามินเออีกด้วย
รู้ก่อน! จับคู่สกินแคร์กับเรตินอล
คู่สกินแคร์ใช้กับเรตินอลได้ให้ผลดี
- เรตินอล + มอยส์เจอไรเซอร์
เรตินอลมีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสียหาย จึงทำให้ผิวหน้าแห้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการใช้มอยส์เจอไรเซอร์หลังจากทาเรตินอลจึงเป็นขั้นตอนเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวที่ไม่ควรลืมโดยเด็ดขาด
- เรตินอล + กรดไฮยาลูรอนิค
กรดไฮยาลูรอนิคมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว รวมถึงช่วยปลอบประโลมและลดการอักเสบจากเรตินอลได้
❌ สกินแคร์ที่ไม่ควรใช้พร้อมกับเรตินอล เลี่ยงได้เลี่ยงเสี่ยงผิวพัง
- เรตินอล + วิตามินซี
การใช้เรตินอลที่อาจจะก่อให้เกิดความระคายเคืองได้อยู่แล้วคู่กับผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกรดอ่อนหรือ pH ต่ำ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายและมากขึ้น
- เรตินอล + BHA/AHA
เรตินอล BHA และ AHA ทั้งสามอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ช่วยผลัดเซลล์ผิว ซึ่งก่อให้เกิดความระคายเคืองได้ง่ายอยู่แล้ว อีกทั้ง BHA/AHA ยังมีค่า pH ต่ำ หรือเป็นกรดอ่อนจึงอาจเพิ่มการระคายเคืองมากขึ้นหากใช้พร้อมกัน แต่สามารถใช้โดยแยกวันกันทาได้
- เรตินอล + เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์
เรตินอลและเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์มีคุณสมบัติตรงข้ามกัน โดยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ทำหน้าที่เป็นตัวออกซิไดเซอร์ ซึ่งสามารถสลายเรตินอล และทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้
ได้รู้จัก ‘เรตินอล’ ตัวช่วยแก้สารพัดปัญหาผิวกันไปแล้ว คราวนี้สาว ๆ คนไหนที่กำลังลังเลว่าจะก้าวเข้าวงการเรตินอลดีหรือไม่ ก็มาลองเริ่มต้นตามวิธีที่เราได้แนะนำไป รับรองว่าถ้าใช้อย่างต่อเนื่องและเหมาะสมกับผิว จะเห็นผลทันใจ พร้อมล็อกอายุผิวให้สดใสอ่อนเยาว์เสมอได้อย่างแน่นอน